ตรวจระดับน้ำฉีดกระจก(ในกระป๋องพักน้ำฝน)เป็นประจำ

น้ำฉีดกระจกและที่ปัดน้ำฝนเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีที่สุดเมื่อคุณต้องเดินทางไกล และในระหว่างที่คุณล้างรถ

หมั่นตรวจเช็คระดับน้ำฉีดกระจกอย่างสม่ำเสมอ ทุกคนคงไม่อยากให้มันหมดขณะที่จำเป็นต้องใช้นะครับ

ตรวจเช็คความแรงของหัวฉีดน้ำ

น้ำฉีดกระจกควรพ่นออกมาแรงอย่างต่อเนื่อง สิ่งอุดตันจะทำให้ประสิทธิภาพของหัวฉีดลดลง: เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพบว่าไม่ว่าจะกดน้ำฉีดกระจกเท่าไหร่ กระจกก็ไม่สะอาดซักที คุณควรตรวจเช็คสิ่งอุดตัน ดังนี้:

• ให้คุณจอดรถและลองฉีดน้ำเพื่อดูว่าที่ฉีดนั้นพ่นน้ำออกมาได้เร็วและแรงหรือไม่
• หากคุณพบว่ามีหัวฉีดข้างใดข้างหนึ่งพ่นน้ำออกมาน้อย หรือไม่มีน้ำออกมาเลย นั่นแสดงว่ามีสิ่งอุดตันที่หัวฉีดแล้ว
• ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มเข้าไปที่รูหัวฉีด เพื่อกำจัดสิ่งอุดตัน แต่หากไม่สามารถเอาสิ่งอุดตันออกมาได้ ให้คุณถอดหัวฉีดออกจากสายฉีด แล้วใช้เครื่องปั๊มลมเป่า (หรืออาจใช้สายยางรดน้ำต้นไม้ฉีดน้ำเข้าไป)
• ตรวจสอบในหม้อน้ำว่ามีตะกรันหรือสิ่งอุดตันอยู่ภายในหรือไม่

 เปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนตามอายุการใช้งานที่ควรเป็น

โดยปกติแล้ว อายุของยางปัดน้ำฝน จะอยู่ได้2-3ปี ก่อนที่จะเริ่มแข็งหรือด้าน จนไม่สามารถปัดน้ำฝน ให้หมดไปจากกระจกได้ ทำให้เหลือคราบน้ำทิ้งไว้ ซึ่งเป็นอันตรายมากเมื่อเวลาฝนตกหนัก!!

• ตรวจสอบดูว่าที่ปัดน้ำฝนแนบสนิทกับกระจกหน้ารถของคุณอยู่เสมอ ในขณะล้างรถอาจมีการเผลอไปกระแทก ทำให้ก้านปัดน้ำฝนเผยอขึ้น และมีช่องว่างระหว่างก้านปัดน้ำฝนและกระจกรถ ให้คุณปรับก้านปัดน้ำฝนให้เหมือนเดิม หรือซื้ออันใหม่มาเปลี่ยน
• เปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนอย่างน้อย 2 ปีครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นอายุการใช้งานของที่ปัดน้ำฝนโดยทั่วไป ราคาของที่ปัดน้ำฝนชุดใหม่อยู่ในช่วง 300-500 บาท อย่างไรก็ตาม การเลือกชุดที่ปัดน้ำฝนนั้นขึ้นอยู่กับรุ่นของรถยนต์ด้วย
• หากคุณเพิ่งเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนเมื่อช่วงปีที่แล้ว แต่พบว่าเมื่อใช้ที่ปัดน้ำฝนแล้วมีลายบนกระจก อาจเกิดจากสิ่งสกปรกติดอยู่บนยางที่ปัดได้ ให้คุณเช็ดทำความสะอาด ด้วยผ้านุ่มชุบแอลกอฮอล์เล็กน้อย

ควรทำอย่างต่อเนือง

หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดรถของคุณทุกสัปดาห์ พยายามหาเวลาประมาณ 15 นาทีในวันอาทิตย์เพื่อทำความสะอาดกระจกหน้ารถของคุณให้ดี:

• เริ่มจากล้างกระจกด้วยน้ำสะอาด แล้วค่อยๆ ขัดด้วยแปรงขนนุ่ม
• คุณอาจเลือกใช้ชุดน้ำยาทำความสะอาดโดยเฉพาะ หรืออาจใช้เพียงสบู่และน้ำธรรมดาก็ได้ ตามที่คุณต้องการ
• ล้างทำความสะอาด เช็ดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ และทิ้งไว้ให้แห้ง

การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้กระจกหน้ารถของคุณสะอาดใส ช่วยให้คุณมองเห็นได้อย่างชัดเจน และหลีกเลี่ยงจากการแจ้งเคลมประกันได้